ผีโพง
ลักษณะ : เป็นคนที่โดนผีโพงเข้าสิง และจะเข้าสิงร่างนั้นตลอด คนที่โดนผีโพงสิงมักจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองโดนสิง ผีโพงนั้นจะมีรูปร่างเหมือนคนทุกประการ แต่มีแสงไฟออกจากจมูก จะมีอยู่สามสี คือ สีแดง สีม่วง และสีเขียว
อาหาร : ผีโพงจะชอบกินเมือกกบ เมือกเขียด แล้วก็คลายทิ้ง กบ เขียดนั้นก็จะตาย
เรื่องเล่า :
คนในสมัยก่อนเล่าต่อๆกันมาว่า ก่อนออกไปหากิน ผีโพงจะเอาจมูกไปเสียดสีกับบันไดบ้านให้แดงก่อนออกไปหากิน พอใกล้สว่างก็จะกลับมาที่บ้านเหมือนเดิม คนที่มีคาถาอาคมสมัยก่อน ถ้าสงสัยว่าใครเป็นผีโพง ก็จะร่ายคาถา แล้วกลับบันไดบ้านของผีโพง เมื่อผีโพงกลับมาที่บ้าน ก็เห็นว่าบ้านเป็นของตนเอง แต่บันไดไม่ใช่ มันก็เดินวนเวียนอยู่หน้าบ้าน เข้าบ้านไม่ได้ จนรุ่งเช้า มีคนมาพบเห็นเข้าก็จะรู้ว่าคนๆนั้นเป็นผีโพง คนที่เป็นผีโพงก็จะอับอาย หรืออาจหลบหนี้ไปอยู่ที่อื่น แต่ถ้าผีโพงรู้ว่าใครแกล้งมัน มันก็จะอาฆาตแค้นเมื่อคนที่ร้ายมัน พลังอ่อนลง มันก็จะกลับมาแก้แค้น โดยเอาก้านกล้วยแม่หม้ายพุ่งข้ามหลังคา หรือใต้ถุนบ้าน ทำให้คนที่อยู่ในบ้านเจ็บป่วย หรือตายหมดทั้งบ้าน
ผีโพง จะเป็นตอนกลางคืน ช่วงที่ชาวบ้านพบเห็นบ่อย จะอยู่ในช่วงฤดูฝน ช่วงตอนฝนตก มักจะเห็นแสงสว่างสีแดง ม่วง เขียว ที่จะสว่างแถวกลางทุ่งนาแล้วดับ แล้วก็ไปสว่างแล้วดับอีก ไปเรื่อยๆ บางก็เล่าว่าจะมีแสงไฟตกจากจมูก เหมือนหยดน้ำด้วย ถ้ามีคนตามรอยผีโพงไป ก็จะเจอกับ กบ เขียด ที่จะนอนตายตัวแข็งตามท้องนา ถ้าหากว่าคนไปเจอกับผีโพงเข้า แล้วเห็นว่าผีโพงนั้นเป็นใคร ผีโพงมักจะบอกว่า “มันเป็นวิบากกรรมของมัน ที่ต้องมาชดใช้กรรมแบบนี้” และอ้อนวอนอย่าให้บอกใคร ผีโพงก็จะเสก ใบไม้ ก้อนหิน ก้อนอิฐ หรือถ่านมี่ (ถ่านมี่ คือถ่านสีดำ ที่ใช้ก่อกองไฟในครัว) ให้กล้ายเป็นทองคำ แล้วเอาจ้างคนที่พบเห็น เพื่อที่จะไม่ให้บอกใคร ถ้าไม่รับปาก หรือไม่รับทองคำนั้นมา ผีโพงก็จะทำร้าย หรือทำให้เรากลายเป็นผีโพงเหมือนมัน
เมื่อรับทองคำนั้นมาแล้ว ตอนเช้าทองคำนั้นก็จะกลายเป็นใบไม้ ก้อนหิน ก้อนอิฐ หรือถ่านมี่ เหมือนเดิม คนที่พบเห็นจะต้องเก็บนี้เป็นความลับ แต่ถ้าจะบอกกับผู้อื่นก็ห้ามพูดชื่อ ว่าใครเป็นผีโพง ถ้าเกิดพูดชื่อออกไป ผีโพงจะมีญาณรับรู้ได้ทันทีว่าเราเอาความลับของมันไปบอกคนอื่น มันก็จะตามมาทำร้ายเราที่บ้าน โดยใช้ ก้านกล้วยแม่หม้าย (ก้านกล้วยแม่หม้าย คือก้านกล้วยที่เอาใบตองออกแล้ว เหลือใบตองส่วนปลายไว้นิดหน่อย) พุ่งข้ามหลังคา หรือใต้ถุนบ้าน
ฉะนั้นในคนสมัยก่อนมักจะบอกให้เราฟันก้านกล้วย ออกสอง 2 ท่อน หรือหลายๆท่อน เพื่อที่จะไม่ให้ผีโพงนั้นนำไปใช้ได้อีก
ชาวบ้านพบเห็นผีโพงครั้งสุดท้ายในช่วงปี พ.ศ. 2514 หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพบเห็นอีก
แหล่งข้อมูลจาก ชาวบ้านตำบนแม่นาวาง อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่
เคยได้ยินพ่อกับแม่เล่าให้ฟังเหมือนกันคับ สมัยก่อนคงมีเยอะ
ตอบลบเเถวภาคอีสานก็มีนะครับ จนถึงปัจจุบันก็ยังมีชาวบ้านพบเจออยู่บ่อยครั้ง
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ลบใช่แล้วคับ พวกผมเคยเอาหนังสติ๊กไปยิง อยู่ เพื่อนผมบางคนใช้ปืนอัดลมยิง(เป็นปืนอัดลมแบบที่ใช้ยิงนกแรงดันสูง)
ลบสาเหตุที่ไปเพราะ มีคนบอกว่าเห็นผีโพง
ลักษณะที่ผมเห็น เป็นแสงสีเขียว เป็นหยาดๆ พอยิงปุ๊บ แสงมันก็พุ่งหายไปไวมาก พวกผมวิ่งไปดูแต่ก็ไม่เจออะไร เลยคิดว่าถ้าเป็นคนในหมู่บ้าน คงได้รับบาดเจ็บ ตอนเช้าเลยไปหาดู ทั้งหมู่บ้าน ก็ไม่เจอคัยบาดเจ็บเลย ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นคนในหมู่บ้านอื่น (ถ้ายิงไม่พลาดนะ)555
~ขนาดนกตัวเล็ก บินอยู่ยังยิงโดนนับประสาอะไรกับผีตัวใหญ่ ^^
ไม่เคยเห็นเลยครับ เห็นแต่ในหนังสือ บุกป่าช้าท้าผีไทย
ตอบลบผมเคยเจอนะ ผมเรียนที่ม.เกษตร วิทยาเขตสกลนะคับ (บริเวณหอพุทธารักษา) ผมชอบซักผ้าตอนกลางคืนนะคับ มีวันนึ่งผมเอาผ้าไปซักตอนตี3 อะคับ กะไปเอาผ้าที่ปั่นเช้า ตอนเดินเอาผ้าไปปั่นผมก็มองดูท้องฟ้าไปเรื่อยคับ ผมเห็นลูกกลมเท่าลูกบอลเห็นได้ ไฟลุกทั้งใบเป็นสีน้ำเงินอะคับ ผมเห็นครั้งเเรกนึกว่าใครเล่นพลุ เเต่มันไม่ใช่น่ะคับพลุมันต้องลอยขึ้นฟ้า เเต่นี่ค่อยๆลอยลงช้าๆมากเป็นเส้นโค้งเเล้วก็หายไปบริเวณหลังหอ (หอหญิง) ตอนเเรกคิดในใจกระสือชัวร์เเต่ ถามใครๆเค้าว่าเป็นนผีโพงนะ
ตอบลบปล.ตอนที่เห็นตอน ปี 53 น่ะคับ
อันนีน่าจะเป็นผีพุ่งส้าว คับ ลองหาข้อมูลดูนะคับ ผมก็เคยเจอตอนไปนั่งดู ฝนดาวตกกับเพื่อน ที่ทุ่งนาก็เลยวิ่งตามไปดู แต่ไม่มีอะไร
ลบพ่อผมก้เคยเล่าให้ฟัง เเกเห็นเเบบนี่มาหลายครั้งเเล้ว ส่วนมากเเกจะเห็นลูกไฟลอยวนไปวนมาอยู่เเถวปล่องเมรุเผาศพบ่อยๆ ทั้งที่บริเวณนั้นก้ไม่ได้มีการจัดงานศพ
ลบน่ากัวอ่ะ
ตอบลบผมเจอมาแล้ว แต่เป็น ผีแดง แถว โอแทร็ปฟอร์ด ดุมากๆ ยิงกระจายเลยครับ :) คลายเครียด
ตอบลบเม้นท์บนมั่วแล้ว เค้าพูดเรื่องผีจริง ไม่ใช่ผีปลอม
ตอบลบ