Slideshow

วันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เรื่องเล่า พระไม่ฉันอาหารของผีกะ

 ตาของฉันเล่าให้ฟังว่าสมัยก่อน วัดแห่งหนึ่งมีพระสงฆ์จำวัดอยู่กับสามเณร 2 รูป ทุกๆเช้าก็จะมีชาวบ้านทำอาหารมาถวายและแม่ของสามเณรก็ได้นำอาหารมาถวายด้วยเช่นกัน เมื่อถึงเวลาฉันอาหาร พระสงฆ์ก็จะแยกอาหารที่แม่ของสามเณรไว้อีกที แล้วก็จะฉันแต่อาหารที่ชาวบ้านคนอื่นๆมาถวาย สามเณรก็ได้แต่นั่งมองและคิดสงสัยในใจว่าทำไมต้องแยกอาหารของโยมแม่ไว้อีกที่ ถามพระสงฆ์ว่าทำไมต้องทำเช่นนี้ ท่านก็ไม่ยอมตอบ เมื่อวันเวลาผ่านไปนานเข้าสามเณรเก็บความสงสัยนี้ไว้ไม่ไหว จึงได้นำขันข้าวตอกไปไปถามพระสงฆ์ว่าเหตุใดพระสงฆ์จึงไม่ยอมฉันอาหารที่แม่ของสามเณรทำมาถวาย




พระสงฆ์รูปนั้นก็มอบยาตลับหนึ่งให้สามเณรไปและพูดต่อว่า "ถ้าเจ้าอยากจะรู้จริงๆว่าทำไมถึงไม่ยอมฉันอาหารของแม่เจ้า คืนนี้ให้เจ้าไปนอนที่บ้านของเจ้า พอรุ่งเช้าตอนแม่ของเจ้าทำอาหาร นึ่งข้าว(หุงข้าว) ให้เจ้าลุงขึ้นมาเอายาในตลับนี้ไปป้ายตาทั้งสองข้าง แล้วก็ไปดูตอนแม่เจ้าทำอาหาร" สามเณรก็เลยรีบกลับบ้านด้วยความอยากรู้ ตกดึกมาสามเณรก็เข้านอน รุ่งเช้าได้ยินเสียงของโยมแม่ลุงขึ้นมาทำอาหาร นึ่งข้าว สามเณรก็รีบลุงขึ้นมาเอายาที่พระสงฆ์ให้ป้ายตาทั้งสองข้างแล้วก็นั่งมองดูแม่ทำอาหาร ภาพที่สามเณรรูปนั้นได้เห็นคือ อีวอก(ลิง) วิ่งวนเวียนไปมารอบห้องครัวแล้วก็เอาขี้ของมันว่านลงในข้าว และอาหารที่กำลังทำอยู่ ถ้าคนไหนได้กินอาหาร หรือใช้สิ่งของของผีกะ ก็จะทำให้เป็นผีกะไปด้วย เมื่อสามเณรได้เห็นแล้วก็รีบกลับไปวัด แล้วกลับไปบอกพระสงฆ์รูปนั้นว่า เห็นแมงอีวอกมันเอาขี้ว่านลงในข้าว พระสงฆ์จึงได้อธิบายให้สามเณรฟังว่า "อีวอกที่สามเณรเห็นนั้นความจริงแล้วมันเห็นผีกะ" เหตุผลที่มันว่านขี้ลงไปในอาหารและข้าวนั้นก็เพื่อให้คนที่ได้กินขี้ของมันนั้นเป็นผีกะไปตลอด นี้ก็คือเหตุผลที่พระไม่ยอมฉันอาหารที่แม่สามเณรทำมาถวายให้เมื่อสามเณรได้ฟังที่พระสงฆ์กล่าวมาสามเณรจึงได้ขอให้พระสงฆ์ช่วยหาวิธีแก้ไขเพื่อที่จะให้ครอบครัวของสามเณรหายจากการเป็นผีกะ พระสงฆ์จึงได้แนะนำให้ไปหาหมอผีเพื่อทำพิธีตัดผีกะ
     จากเหตุการณ์นี้พระสงฆ์ท่านถือศิลอย่างเคร่งคัดและปฏิบัติธรรมตามหลัดศาสนาอย่างมิขาดจึงทำให้ท่านสามารถล่วงรู้ได้ว่าอาหารที่นำมาถวายนั้นเป็นอาหารของผีกะ


แหล่งข้อมูลจาก ชาวบ้านตำบนแม่นาวาง อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่

1 ความคิดเห็น: