คนสมัยก่อนเก่า พวกเขารักษาป่าไม้ ภูดอย โดยเฉพาะชาวเขาที่ใช้ชีวิตอยู่บนดอยสูงป่าหนาดงกว้าง บางคนแม้ยังไม่ตายก็หวงแหนผืนป่า แผ่นดินเกิด มีอารมณ์ที่แฝงด้วยรักธรรมชาติ เข้าถึงธรรมชาติที่เขาใช้ชีวิตอยู่หากินอยู่กับธรรมชาติ ปล่อยผมรกรุงรัง กระเซอะกระเซิงไปตามธรรมชาติ เครื่องมือเครื่องใช้
ด้วยจิตวิญญาณหวงแหนผืนแผ่นดินถิ่นเกิดในผืนป่า แม้นว่าร่างกายสิ้นลมหายใจซากศพพวกเขาก็ถูกฝังในผืนแผ่นดินดอยสูง ส่วนจิตวิญญาณยังว่ายเวียนเป็นผีเฝ้ารักษาป่าตามกรรมเวรที่เขากระทำไว้เมื่อยามมีชีวิตเป็นคน หากใครเข้าป่า ทำร้ายสัตว์ป่า ไล่ล่าเอาชีวิตในป่าหรือกระทำอันเป็นลุกล้ำทำลายต้นไม้ ทำลายของมีค่าในป่าผีตัวนี้จะใช้กะโหล้งเป็นอาวุธไล่ล่าเอาชีวิตผู้คนที่ทำลายป่า ดังนั้นผู้คนสมัยก่อนจะเข้าป่าต้องระวังโดยเฉพาะหากได้ยินเสียงร้องดังแว่วไกลๆ........."ป้ก..กะโหล้ง......ป้กกะโหล้ง.......ผู้ที่ได้ยินต้องรีบเอาดุ้นหลัวสุด(ฟืนซากไฟ)มาเสกด้วยพระคาถาปู่เส็ดค่ำลัวะแล้วเตรียมตัวขว้างดุ้นหลัวสุดเข้าใส่ไล่มัน โดยการสังเกตร่างกายเหมือนคนผมรุงรังเข้ามาหานั่นแหละให้รีบขว้างใส่ทันที
อันว่าพระคาถาปู่เส็ดค่ำลัวะเป็นพระคาถาของชาวล้านนาที่ใช้ขับไล่ผีทุกชนิดที่อยู่ในป่าได้ดีนักด้วยเหตุผีป้กกะโหล้งมันสวกดุดันร้ายสุดๆนี่เอง ผู้คนสมัยก่อนจึงห้ามทำขึ้ด ทำสิ่งแผลงๆในผืนป่า เช่นว่า ขึ้นขี่ตอไม้สมมุติว่าเป็นช้าง หรือตัดไม้ขวางทางเดินป่า ฯลฯ.สิ่งเหล่านี้ถือว่าต้องห้ามเพราะมันขึ้ด จะเกิดอาถรรพ์เกิดเหตุเลวร้ายขึ้นในป่า โดยเฉพาะผีป้กกะโหล้งจะเข้ามาทำร้าย
ตำนานผีป้กกะโหล้งเป็นการเล่าเรื่องผีที่ปกป้องป่า กันผู้คนทำลายผืนป่า สัตว์ป่าได้ดีแท้เนอหมู่เฮา....
Credit :dek-d.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น