Slideshow

วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ผีป้กกะโหล้งดงดอย

คนสมัยก่อนเก่า  พวกเขารักษาป่าไม้ ภูดอย  โดยเฉพาะชาวเขาที่ใช้ชีวิตอยู่บนดอยสูงป่าหนาดงกว้าง บางคนแม้ยังไม่ตายก็หวงแหนผืนป่า แผ่นดินเกิด มีอารมณ์ที่แฝงด้วยรักธรรมชาติ เข้าถึงธรรมชาติที่เขาใช้ชีวิตอยู่หากินอยู่กับธรรมชาติ ปล่อยผมรกรุงรัง กระเซอะกระเซิงไปตามธรรมชาติ  เครื่องมือเครื่องใช้


ก็เป็นสิ่งที่อยู่ในธรรมชาติเช่นกะโหล้ง(กะลา)นำมาเป็นภาชนะใส่อาหารการกินไปตามเรื่อง
  ด้วยจิตวิญญาณหวงแหนผืนแผ่นดินถิ่นเกิดในผืนป่า  แม้นว่าร่างกายสิ้นลมหายใจซากศพพวกเขาก็ถูกฝังในผืนแผ่นดินดอยสูง  ส่วนจิตวิญญาณยังว่ายเวียนเป็นผีเฝ้ารักษาป่าตามกรรมเวรที่เขากระทำไว้เมื่อยามมีชีวิตเป็นคน  หากใครเข้าป่า ทำร้ายสัตว์ป่า  ไล่ล่าเอาชีวิตในป่าหรือกระทำอันเป็นลุกล้ำทำลายต้นไม้  ทำลายของมีค่าในป่าผีตัวนี้จะใช้กะโหล้งเป็นอาวุธไล่ล่าเอาชีวิตผู้คนที่ทำลายป่า ดังนั้นผู้คนสมัยก่อนจะเข้าป่าต้องระวังโดยเฉพาะหากได้ยินเสียงร้องดังแว่วไกลๆ........."ป้ก..กะโหล้ง......ป้กกะโหล้ง.......ผู้ที่ได้ยินต้องรีบเอาดุ้นหลัวสุด(ฟืนซากไฟ)มาเสกด้วยพระคาถาปู่เส็ดค่ำลัวะแล้วเตรียมตัวขว้างดุ้นหลัวสุดเข้าใส่ไล่มัน  โดยการสังเกตร่างกายเหมือนคนผมรุงรังเข้ามาหานั่นแหละให้รีบขว้างใส่ทันที
อันว่าพระคาถาปู่เส็ดค่ำลัวะเป็นพระคาถาของชาวล้านนาที่ใช้ขับไล่ผีทุกชนิดที่อยู่ในป่าได้ดีนักด้วยเหตุผีป้กกะโหล้งมันสวกดุดันร้ายสุดๆนี่เอง ผู้คนสมัยก่อนจึงห้ามทำขึ้ด  ทำสิ่งแผลงๆในผืนป่า  เช่นว่า  ขึ้นขี่ตอไม้สมมุติว่าเป็นช้าง  หรือตัดไม้ขวางทางเดินป่า   ฯลฯ.สิ่งเหล่านี้ถือว่าต้องห้ามเพราะมันขึ้ด จะเกิดอาถรรพ์เกิดเหตุเลวร้ายขึ้นในป่า โดยเฉพาะผีป้กกะโหล้งจะเข้ามาทำร้าย
ตำนานผีป้กกะโหล้งเป็นการเล่าเรื่องผีที่ปกป้องป่า กันผู้คนทำลายผืนป่า สัตว์ป่าได้ดีแท้เนอหมู่เฮา....


Credit :dek-d.com




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น